new tags
กรมสมเด็จพระเทพฯ เป็นเจ้าฟ้าหญิงที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ผู้ทรงเดินตามรอยพระบิดาอยู่เสมอ พระองค์ทรงมีพระอารมณ์ขันและทรงแย้มพระสรวลเสมอ แม้ว่าพระองค์จะทรงประกอบพระกรณียกิจและทรงงานหนักแต่พระองค์ก็จะทรงมีอารมณ์ขันอยู่เสมอ
เรื่องราวเกี่ยวกับพระอารมณ์ขันของกรมสมเด็จพระเทพฯ เมื่อครั้งทรงบรรยายในตอนหนึ่ง เรื่องเกี่ยวกับ ไดอารี่ “ในร่มเงาวังสระปทุม” ซึ่งจัดทำขึ้นโดยมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เมื่อปี พ.ศ.๒๕๕๐ ว่า วังสระปทุมนั้น มีเรื่องเล่าว่า เป็นสถานประทับและพักผ่อนสมัยพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ต่อมาได้มอบให้กับรัชกาลที่ ๕ และรัชกาลที่ ๖ ก่อนที่รัชกาลที่ ๖ จะทรงมอบให้ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก เป็นผู้ดูแล
ซึ่งขณะนั้น พระองค์ยังทรงศึกษาอยู่ที่ประเทศเยอรมนี ส่วนเรื่องสีของวังสระปทุมนั้น ไม่แน่ใจว่าเป็นสีอะไร เพราะมีทั้งสีเหลือง สีแดง และสีเทา พระตำหนักใหญ่ที่บูรณะใหม่ล่าสุด หรือพระตำหนักเหลือง มีอายุมากกว่าพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า รวมทั้งท่านสวรรคตที่นี่ด้วย
รวมทั้งเป็นพระตำหนักที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า พระราชทานน้ำสังข์ ในการพระราชพิธีราชาภิเษกของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช กับสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งถือเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่ควรจดจำ หลังจากนั้นสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เสด็จฯ ประทับอยู่ที่วังสระปทุม จนเสด็จสวรรคต พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ในหลวง ร.๙) จึงรับสั่งให้ข้าพเจ้า มาประทับที่นี่ เพื่อบูรณะดูแล พระราชกรณียกิจต่างๆ ที่สมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงงานไว้ ซึ่งมีทั้งโรงสี ทำธุรกิจต่างๆ
โดยมีจุดมุ่งหมายคืออยากให้ดูแล และทำพิพิธภัณฑ์แสดงพระราชประวัติ และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระพันวัสสาฯ ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยรู้กัน ทั้งๆ ที่มีหลักฐานอยู่มากมาย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว (ในหลวงร.๙) รับสั่งว่า วังสระปทุมนั้นเป็นเหมือนประวัติศาสตร์ของราชวงศ์จักรี ควรจะอนุรักษ์ให้คงอยู่สืบไป ตอนที่สร้างห้างสยามพารากอน ก็มีการตัดต้นไม้มากมาย ซึ่งเราก็ขอต้นไทรไว้ต้นหนึ่ง ไม่ให้ตัดต้นไทร และย้ายเข้ามาปลูกไว้ในวัง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงบรรยายว่า
นอกจากนี้ยังมีคนเล่าเกี่ยวกับเรื่องผีว่า ที่พระตำหนักใหญ่ ซึ่งเป็นที่ประทับของสมเด็จพระพันวัสสาฯ ชอบมีไฟเปิดได้เอง คนงานก็พูดกันจนรู้สึกกลัว ไม่มีใครกล้าไปที่พระตำหนักนั้น ซึ่งเราได้พิจารณาดูแล้วว่า “สมเด็จพระพันวัสสาฯ เป็นคนชอบทำมาค้าขาย เก็บเงินเก็บทองเก่ง ไม่น่าจะเปิดไฟไว้ให้สิ้นเปลืองเงินไว้ทำไม (ทรงพระสรวล) น่าจะเป็นคนงานที่เปิดไฟไว้แล้วลืมปิดมากกว่า”