
new tags
เมื่อเวลา 16.07 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2565 สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จฯ ทรงเปิดงานวันสตรีไทย ประจำปี 2565 ในชื่องาน “พระบารมีส่องหล้า ต่อยอดการพัฒนาสตรีไทย” จัดโดย สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ องค์กรสมาชิก และภาคีเครือข่าย
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระราชดำรัส ความตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้ามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ได้มาร่วมในพิธีเปิดงานวันสตรีไทย ประจำปี 2565 ซึ่งสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ร่วมกับหน่วยงานและองค์กรต่างๆ จัดขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา ขอแสดงความชื่นชมกับสตรีไทยดีเด่น และเยาวสตรีไทยดีเด่นทุกท่าน ที่ได้รับเกียรติและการยกย่องในครั้งนี้
“ตั้งแต่ข้าพเจ้าจำความได้ ก็ได้เห็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงพระราชอุตสาหะปฏิบัติพระราชกรณียกิจต่างๆ เคียงข้าง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เพื่อบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้แก่ประชาชน และพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน
“ในบรรดาพระราชกรณียกิจนานัปการนี้ ยังมีงานที่ทรงรับเป็นพระราชภาระอย่างสำคัญ นั่นคือ การส่งเสริมให้สตรีไทยในท้องถิ่นต่างๆ สร้างสรรค์งานศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านเป็นอาชีพเสริม ควบคู่ไปกับอาชีพหลักคือเกษตรกรรม ทรงเชื่อมั่นว่า คนไทยทุกคนมีศิลปะอยู่ในสายเลือดและจิตวิญญาณของการเป็นช่างฝีมือ ดังที่ได้พระราชทานพระราชดำรัสไว้ครั้งหนึ่งว่า ทรงภูมิใจเสมอมาว่าคนไทยมีสายเลือดของช่างฝีมืออยู่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นชาวไร่ชาวนาหรืออาชีพใด อยู่แห่งหนตำบลใด คนไทยมีความละเอียดอ่อนและฉับไวต่อการรับศิลปะทุกชนิด ขอเพียงแต่ให้ได้มีโอกาสฝึกฝน ก็จะแสดงความสามารถออกมาให้เห็นเด่นชัด จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สืบสาน รักษา และสร้างสรรค์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้าน ทั้งให้หาครูและผู้เชี่ยวชาญมาช่วยฝึกอบรม รวมทั้งแลกเปลี่ยนเรียนรู้และพัฒนาผลงาน ร่วมกับชาวบ้านในท้องถิ่นทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ จนกลายเป็นอาชีพเสริมที่สร้างรายได้เพิ่มให้แก่ทุกครัวเรือน นับเป็นต้นกำเนิดของโครงการศิลปาชีพพิเศษ และมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพในปัจจุบัน
“พระราชกรณียกิจที่ทรงปฏิบัติบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลาอันยาวนานนั้น ล้วนมีส่วนสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิต ฐานะความเป็นอยู่ ตลอดจนบทบาทและสถานภาพของสตรีไทยให้สูงขึ้น ทรงเป็นทั้งแบบอย่างอันประเสริฐ และแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ ให้สตรีไทยตระหนักถึงศักยภาพของตน และสามารถพัฒนาศักยภาพที่มีอยู่ นำไปใช้สร้างสรรค์ประโยชน์ให้แก่ตนเอง แก่ครอบครัว แก่สังคม และแก่ประเทศชาติได้
”ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 90 พรรษานี้ ข้าพเจ้าจึงขอเชิญชวนให้สตรีไทยและเยาวสตรีไทยทุกคน ตระหนักถึงคุณค่าของตนเอง และตั้งใจพยายามพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เพราะเราทุกคนต่างก็มีศักยภาพที่จะเป็นพลังสร้างสรรค์สังคมไทย และพัฒนาชาติบ้านเมืองได้ด้วยกันทั้งสิ้น และจะเป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณได้อย่างดีที่สุด สมกับที่ทรงอุทิศพระองค์ดังพระราชสมัญญา “แม่ของแผ่นดิน” มาโดยตลอด และจะทรงเป็น แม่ในใจของคนไทยตราบชั่วนิรันดร์กาล”
ชมคลิป