
new tags
เคยตกเป็นกระแสข่าวใหญ่มาพักหนึ่ง กรณีที่นักแสดงสาว แก้มบุ๋ม ปรียาดา สิทธาไชย โพสต์ถึงอดีตแฟนเก่าอินสตาแกรมส่วนตัว ข้อความว่า ทำไมสกปรกไม่เลือกขนาดนั้นหรือเลือกแล้วรับไม่ได้จะอ้วก จนกลายเป็นชนวนให้เกิดดราม่าและส่งผลกระทบกับทั้งตัวเองและฝ่ายชาย รวมไปถึงคนที่อยู่รอบข้าง จนเจ้าตัวต้องออกมาแถลงข่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง และในวันนี้แก้มบุ๋ม ก็ได้มาเปิดใจในรายการ Club Friday Show อีกครั้งหนึ่ง
พี่อ้อย ถึงขั้นไปโพสต์ลงในอินสตาแกรม ซึ่งคนโดยส่วนใหญ่จะเห็น แม้ว่ามันจะเป็นคำสั้นๆ แต่ทุกอย่างมันจะถูกโยงกลับไปหา ความรักในครั้งที่ผ่านมาของหนู
อั๋น ซึ่งมันก็เป็นข่าวใหญ่มากในตอนนั้นนะ หลายคนที่ไม่รู้ว่าคบอยู่ ความสัมพันธ์เดิมไปถึงตรงไหนแล้ว ก็รู้ทุกอย่างจากตรงนั้นว่า อ้าวมันเกิดอะไรขึ้น แล้วก็มีการตีความจากคำว่าสกปรกไปในหลาย หรือง่ายๆ คือเดาว่าอะไรวะ เขาทำอะไรนะถึงเป็นคำนี้
แก้มบุ๋ม จริงๆ มันเกิดจากความแบบ รู้เท่าไม่ถึงการณ์เหรอ หรือว่าคิดน้อยมากเกินไป อารมณ์มันมาก่อน คือตอนนั้นเราเลิกกันไปแล้ว แต่เขาก็ยังมีโทรมาถามเราเป็นยังไงบ้าง ก็คือยังไม่ได้หายจากกัน ก็คือยังหวังอยู่ว่าถ้าปรับได้ แล้วก็ยังคงกลับมาคบกันนะ แต่ว่ามันเหมือนมีเหตุการณ์ ที่เราไปถามอะไรบางอย่างเขา แล้วเขาตอบมา แล้วเรามารู้ที่หลังว่าสิ่งที่เขาตอบมา มันเป็นเรื่องไม่จริง เราก็เลยโกรธ และเราก็เลยโพสต์ลงไป มันก็เลยส่งผลเยอะมาก และก็รวดเร็วมาก แล้วทุกคนก็ตีความกันไปต่างๆ นานามากมาย ซึ่งความจริงแล้วเขาก็ไม่ได้ผิดอะไร เขาไม่เคยนอกใจเราเลยสักนิด
พี่ฉอด แล้วหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ มีโอกาสได้คุยได้เคลียร์ หรือได้ทำความเข้าใจกันไหม
แก้มบุ๋ม ได้คุยตอนคริสต์มาส ก่อนหนูจะไปเที่ยวเกาหลี ซึ่งก่อนหน้านั้นเราไม่เคลียร์กันเลย
พี่อ้อย ทุกอย่างพอเห็นตรงนั้นปั๊บ ทุกคนก็พยายามจะไปโยงๆ อยู่ตลอดเวลา
อั๋น นิดนึงนะ มีคนไปตีความว่าเราไปจับได้ว่าเขาไปเที่ยวผู้หญิง หรือไปนอกใจอะไรแบบนั้น มันถึงเป็นคำว่าสกปรก
แก้มบุ๋ม เขาไม่ได้นอกใจ เพราะเขาไม่ได้คบเรา เขาไม่ได้พูดความจริงให้เรา แล้วเราเป็นคนแบบเฉียบ ปึ๊บๆ แล้วพอรู้สึกว่าโกหกทำไม คือสิ่งที่เราเกลียดคือคนโกหก อย่าให้เรารู้ทีหลัง มันเป็นสิ่งนั้นที่มันเข้ามา มันก็เลยทำให้เราทำแบบนั้นลงไป คือช่วงเวลาหนึ่งเขามีปัญหา หมุนไม่ทัน เงินมันยังไม่ออก แล้วเขาก็ทำงาน ก็คือแค่ด้านวงการบันเทิงอย่างเดียว ไม่ได้มีธุรกิจอย่างอื่น แล้วเราก็อยู่ช่วยอยู่ตอนนั้น เราก็ประคับประคอง แต่ตอนนั้นเราก็รู้สึกแล้วว่าเราอยู่ไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น กับการที่เขานิสัยแบบนี้ แต่เราก็ประคับประคองจนให้เขาค่อนข้างที่จะยืนได้แล้ว และก็ผ่านวิกฤตนั้นแล้ว
พี่ฉอด ซึ่งจริงๆ แล้วถือว่าเป็นสถานการณ์ปกติ สำหรับคนที่เป็นแฟนกัน แล้วก็ช่วยเหลือสนับสนุนกัน
แก้มบุ๋ม ใช่แต่พอมันเกิดเรื่อง แล้วมันมีออกมาอย่างนี้ มันก็เลยกลายเป็นคนไปว่าเขา แต่ว่าพอสุดท้ายแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นที่เกิดเหตุ พ่อเขาก็จัดการทุกอย่างเรียบร้อย ไม่ได้มีอะไร
พี่อ้อย วันนี้อยากจะพูดถึงเรื่องอะไรที่ทุกคนเข้าใจผิด หรืออะไรแบบนี้ไหม
แก้มบุ๋ม จริงๆ แล้ว เขาไม่ใช่คนเลวร้ายขนาดนั้น ไม่ได้เลวร้ายเหมือนที่ทุกคนพูด ทุกคนตีความเขาเลวร้ายมากเกินไป และก็บางทีตัวหนูเองก็คาดหวัง ในตัวคนอื่นมากเกินไป แล้วก็มองแค่แต่อนาคต แล้วใช้สมองคิด แต่ไม่ได้ใช้หัวใจกับปัจจุบันที่อยู่ มันก็เลยเกิดเหตุการณ์แบบนั้น
อั๋น ถามตรงๆ เลยเราเสียใจกับสิ่งที่เราโพสต์ไปไหม
แก้มบุ๋ม มาก ทุกวันนี้เหมือนแบบ คนแบบ เป็นตราบาปว่าเรารู้สึกว่า เราทำร้ายใครสักคนหนึ่งที่เรารักมาก
พี่อ้อย ซึ่งเอาจริงๆ เขาไม่ได้เป็นคนที่อย่างที่คนอื่นดีความ
แก้มบุ๋ม เขาไม่ได้ร้ายขนาดนั้น เขาเป็นคนอัธยาศัยดีที่น่ารักคนหนึ่ง ถ้าอยากบอกอะไรกับ หนูบอกเขาไปหมดแล้ว แต่ถ้าหนูอยากบอกจริงๆ คือ หนูอยากบอกกับครอบครัวเขามากกว่า ว่าหนูขอโทษคุณพ่อเขา ขอโทษคุณแม่เขา ขอโทษคุณย่า ขอโทษน้องๆ เขาที่แบบ ทำให้ลูกเขาเสียชื่อหรือว่าอะไรอย่างนี้ ให้คนมองคนที่เขารักผิดไป
พี่ฉอด ที่เมื่อกี้หนูบอกว่า พอหลังจากที่ไม่ได้เจอ ไม่ได้คุยกันเลยแล้วตอนคริสต์มาสเกิดอะไรขึ้น ที่บอกว่าได้มีโอกาสมาคุยกับอีกทีหนึ่ง
แก้มบุ๋ม หนูส่งข้อความไปหาเขา เพราะหนูรู้สึกว่า เราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่เนอะ ตอนนี้กำลังจะขึ้นเครื่องบิน แต่อยู่ดีๆ ก็แค่การขอโทษใครสักคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนที่เรารักมาก มันคงไม่ตายหรอก มันจะเสียฟอร์มเหรอ ก็เลยตัดสินใจกดไปบอกว่าขอโทษนะ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง สิ่งที่ตอบกลับมา ซึ่งเราก็ไม่คิดหรอกว่าเขาจะโทรมา หรือเขาจะส่งอะไรกลับมาไหม เขาจะเกลียดเราขนาดไหน เพราะเราไม่ได้คุยกันเลยในระยะเวลาหลายเดือด สิ่งที่เกิดขึ้นคือ เขาโทรกลับมา แล้วเขาพูดว่า เขาไม่เคยโกรธเราเลยนะ เขารักยังไง เขาก็ยังรักเหมือนเดิม ทุกอย่างที่มี ที่ทำไว้ หรือว่าที่เห็นก็ยังอยู่เหมือนเดิม แล้วก็บ้านที่ซื้อไว้ก็ไม่ได้ทำอะไร ยังทิ้งไว้อย่างนั้น ไม่ได้ทำอะไรเลย เก็บทุกอย่างไว้เหมือนเดิม แต่ว่าถ้าหมดสิ้นปีนี้แล้ว ก็อาจจะขายบ้านแล้ว มันทำให้เรารู้สึกแบบ เฮ้ย เราทำเขามากขนาดนี้ แต่เขายังไม่โกรธเราเลย เขาไม่ออกมาตอบโต้ เขาไม่ออกมาพูด เพราะเขาไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย แต่เราค่อนข้างอารมณ์ คิดน้อย ทำให้มันเป็นแบบนั้นไป ทำให้เขาแบบเสียโอกาสในหลายๆ อย่าง มันเป็นเพราะเรา มันเลยรู้สึกเหมือนเป็นตราบาปที่เรารู้สึกว่า เราทำคนที่เรารักมากขนาดนี้เลยเหรอ
พี่อ้อย พี่รู้สึกนิดนึงว่าเวลาที่เราเอ่ยถึงใคร แล้วยังรู้สึกว่าเขามีผลต่อใจเรามากขนาดนี้ แล้วมันดันเป็นทั้งสองฝ่าย มันจะไม่มีโอกาสเลยเหรอ ที่เราลองกลับเข้ามาในความสัมพันธ์นี้อีกทีหนึ่ง เราเคยถามเขาไหม
แก้มบุ๋ม ถามค่ะ หนูถามตั้งแต่วันที่หนูคุยนั่นแหละ หนูถามเขาว่าเรามีโอกาสจะกลับมาไหม เขาบอกว่า มันไม่ได้แล้ว ไม่ใช่ว่าไม่รักนะ ยังรักบุ๋มเหมือนเดิม แต่ว่ามันไม่ได้แล้ว สังคมอีก ที่บ้านอีก หลายๆ มันรุนแรงจนมัน ถ้าคิดจริงๆ กลับไปมันก็คงไม่เหมือนเดิม ครอบครัวเขาอีก ครอบครัวเราอีก มันไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน เราก็แอบมีความหวังว่าเขายังโทรมาเลย เขาอาจจะกลับมาก็ได้ แต่มันก็ไม่ได้
พี่ฉอด ทุกวันนี้ยังมีความหวังอยู่ไหม แอบมีความหวังเล็กๆ อยู่ในใจไหม
แก้มบุ๋ม น้อยลงค่ะ เพราะว่าต้องทำใจเพราะมันเหมือนตอนนั้นมันมีกระแสมาว่า เรากดขี่ข่มเหงเขา เราเอาแต่ใจ แล้วเราก็รู้สึกว่าเฮ้ยสิ่งที่เราทำ เราไม่ได้ทำเพื่อตัวเอง แต่เราทำเพื่อเขา มันก็เลยกลายเป็นว่า ดูเหมือนเราไปกดขี่ข่มเหงเขา เหมือนไปหักคอราคาเขา ไปนู่นไปนี่เขาแต่ความจริงแล้ว ทุกอย่างเราทำเพื่อให้เขาอยู่ต่อได้ แล้วเราก็รู้สึกว่าทำไมไม่ปกป้องเราอะ เราเคยโดนปกป้อง ทำไมครั้งนี้ไม่ปกป้องเรา แล้วก็เลยรู้สึกว่าเราจะลุกขึ้นมาปกป้องตัวเอง มันจะมีคำที่หนูพูดบอกว่า วันนี้ที่ออกมาพูดคือ แค่อยากออกมาปกป้องตัวเองว่า ตัวเองไม่ได้กดขี่เขาหรือว่าอะไรอย่างนี้